วิธีเอาตัวรอดจากหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อต่างๆ

การเป็นหนี้เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครๆก็ไม่อยากให้เกิด แต่บางครั้งคนเราก็ต้องพบกับทางตันกันบ้าง ต้องยืมเงิน จนเป็นหนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในเมื่อถ้าเราเป็นหนี้แล้ว เราควรมีวิธีการ วางแผนเป็นหนี้  และ วางแผนปลดหนี้ ไว้อย่างแยบยลล่วงหน้า เพื่อเราจะได้เป็นหนี้แบบเสามารถตัวรอดได้ ไม่มาเดือดร้อนในภายหลัง

วิธีเอาตัวรอดจากหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อต่างๆ

ตั้งสติยอมรับว่ากำลังจะเป็นหนี้

 

ในทุกๆครั้งก่อนเรายืมเงินใคร เราต้องรู้มีสติให้ดีว่า เรามีความจำเป็นในการที่ต้องยืมเงินจำนวนนี้จริงไหม มีความสำคัญแค่ไหนที่เราต้องยืมเงินก้อนนี้  เช่น ยืมเงินเพราะเอาไปซื้อกระเป๋าของแพงๆ หรือโทรศัพท์รุ่นใหม่ ถ้าแบบนี้ ถือว่าอยากได้จนต้องเป็นหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น  แต่กรณีจำเป็นเพื่อหาเป็นค่ารักษาพยาบาลของคนในบ้านจากโรคร้าย อันนี้ถือเป็นเรื่องจำเป็น  ถึงแม้จะเป็นเรื่องจำเป็น เราก็ควรจะตั้งสติอีกครั้ง ว่าพอมีหนทางอื่นไหม สามารถนำอะไรไปขาย เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ได้บ้าง

ความสามารถในการคืนหนี้

เมื่อเรากู้หนี้จากใครหรือสถาบันการเงินใดก็ตาม ให้ทำการเปรียบเทียบจำนวนเงินที่ต้องชำระคืน ต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการกู้เงินประเภทไหน ช่วยให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยสุด ปลดหนี้ได้เร็วสุด  กรณียืมคนสนิท หรือญาติพี่น้องซึ่งไม่คิดดอกเบี้ย วิธีนี้ดีสุด แต่เราต้องคืนให้เร็วที่สุด ตามความปรารถนาดีที่ญาติพี่น้องให้เรามา แต่ถ้าหากเป็นการกู้นอกระบบ แน่นอนว่าดอกเบี้ยสูง เป็นหนทางเลวร้ายที่สุด  อาจทำให้คุณ เป็นหนี้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดก็เป็นได้  ส่วนสำหรับวิธีปลอดภัยและถูกต้องที่สุด คือ ไปขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เนื่องจาก มีกฎหมาย มีขั้นตอน มีระบบ มีทางเลือกให้

รู้จักความต่างของสินเชื่อ

เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าจะใช้บริการสินเชื่อกับสถาบันการเงินใดก็ตาม แต่ยังจำเป็นต้องศึกษาเจาะลึกเข้าไป รวมทั้งหาสินเชื่ออันเหมาะสม ช่วยทำให้เราจ่ายดอกเบี้ยน้อย สามารถหมดภาระหนี้ได้เร็วขึ้น สินเชื่อแบบนี้  แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

สินเชื่อแบบไม่ต้องใช้หลักประกัน

ยกตัวอย่าง เช่น   บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต  แต่สินเชื่อประเภทนี้คิดอัตราดอกเบี้ยสูงมาก

สินเชื่อแบบต้องใช้หลักประกันมาค้ำ

คือ การที่เราต้องนำสินทรัพย์ เช่น บ้าน รถยนต์ มาเป็นหลักค้ำประกัน  และจะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ บางครั้งอาจเป็นสินเชื่อประเภทจำนำ คือนำสินทรัพย์มีค่า มาเป็นหลักประกัน เช่น ทอง นาฬิกา เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ทำได้เพราะมีอัตราเงินกู้ไม่สูงมากเท่าไหร่

มีวินัย

ควรชำระหนี้ตามตกลงไว้ไม่ว่ากับบุคคลใดหรือสถาบันการเงินใดก็ตาม ต้องชำระตามกำหนด ถ้าชำระหนี้ล่าช้า จะมีการเสียค่าปรับ อีกทั้งยังมีการคำนวณดอกเบี้ยของความล้าช้านั้นอีกด้วย ความล่าช้า การผิดนัดชำระ จะทำให้เราต้องหาเงินก้อนใหญ่ขึ้นมาชำระหนี้  จะยิ่งทำให้เราเป็นหนี้มากขึ้นอีกด้วย

มีเงินก็โปะไปเลย

วิธีที่ทำให้หมดหนี้เร็ว คือการโปะ หรือการนำเงินมาชำระหนี้ล่วงหน้า ชีวิตเราก็จะพบกับอิสรภาพเร็วขึ้น