เมื่อคุณไปธนาคารเพื่อจะทำเรื่องกู้เงินในการ ผ่อนบ้าน , ผ่อนรถ , ซื้อสินค้า ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม เบื้องต้นคุณต้องกรอกคำขอเพื่อตรวจสอบประวัติทางการเงินเสียก่อน นั่นก็คือการ ตรวจสอบข้อมูลเครดิตจากเครดิตบูโรนั่นเอง เพื่อจะดูว่าสถานะทางการเงินผู้กู้เงินตอนนี้เป็นอย่างไร ติด BLACKLIST หรือไม่ โดย BLACKLIST หมายถึง คุณมีประวัติเสียในเรื่องการคืนเงินจนถูกขึ้นบัญชี BLACKLIST ไว้หรือเปล่า
ส่วนเครดิตบูโร เป็นการรายงานข้อมูลของเครดิตในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยมันจะแสดงประวัติการชำระสินเชื่อย้อนหลัง ไม่เกิน 24 เดือน เพราะฉะนั้น ถ้าประวัติการชำระสินเชื่อในอดีตของคุณ ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ คุณก็ต้องพยายามชำระหนี้ให้ตรงตามเงื่อนไขกับสถาบันการเงินนั้นๆ เพื่อสร้างประวัติใหม่ไฉไลกว่าเดิม แต่ยังไงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงประวัติเดิมได้ รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากให้มีประวัติเสียหายควรคำนวณเงินในการใช้จ่ายให้ดีๆ
Credit Bureau
เป็นบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเครดิตจากสถาบันการเงินซึ่งเป็นสมาชิก หากมีสถาบันการเงินใดปล่อยสินเชื่อ สามารถยื่นคำขอรายงานข้อมูลเครดิตมาได้ โดยภายในรายงานประกอบไปด้วย ข้อเท็จจริง อันเกี่ยวกับลูกค้าที่ขอสินเชื่อ , ประวัติการขอสินเชื่อ , ประวัติการได้รับอนุมัติสินเชื่อ และข้อสำคัญคือ การชำระสินเชื่อ กับประวัติการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต แต่ เครดิตบูโรจะไม่มีข้อมูลในเรื่องของ ทรัพย์สินส่วนตัว , จำนวนบัญชีเงินฝาก ของลูกค้าผู้นั้น แปลว่าจะรายงานเพียงข้อมูลทางด้านสินเชื่อเท่านั้น ส่วนถ้า คุณยื่นเรื่องกู้แล้วปรากฏว่าไม่ผ่าน ถ้าธนาคารแจ้งมาว่าคุณมีประวัติการเงินไม่ค่อยดีจากเครดิตบูโร คุณก็สามารถเรียกดูประวัติการชำระสินเชื่อของคุณจากเครดิตบูโรได้ โดยเสียค่าบริการ 200 บาท แล้วก็จะได้ทราบว่า ที่ผ่านมาคุณมีประวัติการชำระสินเชื่ออย่างไรบ้าง รวมทั้งสามารถแก้ไขปรับปรุงประวัติการชำระสินเชื่อให้ดีในอนาคตได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงที่เป็นสัจธรรมก็คือ การไม่ก่อหนี้สินเป็นสิ่งดีที่สุด อาจเป็นสิ่งประเสริฐอันดับต้นๆในชีวิตของมนุษย์ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าหากมีความจำเป็นที่ต้องก่อหนี้สินจริงๆ ควรก่อหนี้แต่พอตัว เมื่อเป็นแล้วสามารถผ่อนได้ ไม่เดือนร้อน เช่น ผ่อนบ้าน , ผ่อนรถ เป็นต้น ต้องดูความกำลังในการผ่อนชำระของคุณด้วย อย่าผ่อนอะไรที่เกินกำลังอย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้คุณไม่สามารถผ่อนไหว จนต้องเสียเครดิต หรือเสียดอกเบี้ยที่แพงมาก และบทสรุปสุดท้ายอาจไม่สวยอย่างที่คิด เช่น ต้องขายบ้าน ขายรถ หรือปล่อยให้เขามายึดบ้านไป ถ้าร้ายแรงกว่านั้นก็อาจถูกฟ้องดำเนินคดีได้ ซึ่งในกรณีนี้จะทำให้คุณเสียเครดิตอย่างมากทีเดียว พอถึงคราวจำเป็นก็ทำให้คุณติดปัญหากู้ไม่ผ่านไม่ได้รับอนุมัติในที่สุด